วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

เหมืองลิกไนต์

เป็นแหล่งถ่านหินซึ่งค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2460 มีปริมาณถึง 630 ล้านตัน และมีอายุประมาณ 40 ล้านปี พื้นที่เหมืองทั้งหมดเป็นของกรมป่าไม้ มีประมาณ 20,000 ไร่ สามารถใช้ได้อีกประมาณ 50 ปี บริเวณเหมืองมีโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินชนิดนี้เป็นเชื้อเพลิงตั้งอยู่หลายโรง ถึงแม้นักท่องเที่ยวจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปบริเวณขุดเจาะถ่านหินเพราะมีอันตรายจากวัตถุระเบิดที่ใช้ทำเหมือง แต่ กฟผ. ได้จัดทำจุดชมวิวซึ่งเป็นสวนหย่อม ตกแต่งปลูกไม้ดอก ไม้ประดับต่าง ๆ บริเวณด้านหลังอาคารพิพิธภัณฑ์ และด้านหลังอาคารนันทนาการ สามารถมองเห็นการทำงานของรถขุดตักแร่ซึ่งอยู่ห่างออกไปเบื้องล่างได้เป็นมุมกว้าง 


นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา (เหมืองแม่เมาะ) ซึ่งให้ความรู้ทางธรณีวิทยาบริเวณเหมืองแม่เมาะ รวมทั้งประวัติความเป็นมาของเหมืองและเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้า เปิดบริการวันอังคาร-วันอาทิตย์ หยุดวันจันทร์ เวลาให้เข้าชม 4 รอบ ตั้งแต่เวลา 09.00 น., 10.30 น., 13.00 น. และ 14.30 น. ส่วนบริเวณด้านตะวันออกของเหมืองซึงเป็นพื้นที่ทิ้งดินจากการทำเหมืองทำเป็นทุ่งบัวตองบริเวณกว้างจะบานในช่วงราวเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ในบริเวณเหมืองมีบ้านพักรับรองของ กฟผ.แบบบังกะโล จำนวน 14ห้อง ราคา 600 บาท และแบบห้องพัก จำนวน 20 ห้อง ราคา 400 บาท สนามซ้อมกอล์ฟ สนามกอล์ฟ ขนาด 18 หลุม และสโมสร สอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โรงไฟฟ้าแม่เมาะ โทร. 0 5525 2730-1, 0 5525 2724 และที่ฝ่ายโรงจักร โทร. 0 5425 5311 



การเดินทาง ไปตามถนนสายลำปาง-เด่นชัย เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ไปจนถึงแยกผาลาดแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระยะทางประมาณ 26 กิโลเมตร สามารถเช่ารถสองแถวซึ่งจอดอยู่บริเวณตลาดบริบูรณ์ในตัวเมือง หรือที่สี่แยกร้านขายยาไทยโอสถ ถนนทิพวรรณ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที









นี่คือทุ่งดอกบัวตองนะค่ะ ในฤดูกาลออกดอก ดอกบัวตองบานจะสวยมากเป็นสีเหลืองทั่วทุ่งเลยค่ะ





นี่เป็นลิกไนต์ที่เหมืองแม่เมาะนะค่ะ มันจะมีสีดำคล้ายๆ ถ่าน


นี่เป็นบริเวณบ้านพักที่ กฟฝ.จัดเตรียมไว้ให้แขกที่มาพักนะค่ะ สวยมากทีเดียว


นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เก็บสะสมเครื่องมือที่ปลดระวางแล้วนะค่ะ มีทั้งรถแมคโคร รถขนถ่านหิน ล้อรถของมันใหญ่มากเลยค่ะ ใหญ่จริงๆๆ วิวสวยด้วยค่ะ



นี่เป็นสนามกอฟล์ที่อยู่เหนือเหมืองขุดถ่านหินค่ะ มีผู้มาใช้บริการมากมายในแต่ละวัน









           

อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท


          อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท สภาพป่าเป็นป่าเบญจพรรณและพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง มีสวนสักกระจายอยู่ทั่วไป มีพื้นที่ครอบคลุม ในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอแจ้ห่ม อำเภองาว จังหวัดลำปาง ยอดเขาสูงที่สำคัญ คือ ดอยกิ่วลม สูง 1,202 เมตร รองลงมาคือ ดอยสันกลางสูง 1,022 เมตร ดอยผาหวด สูง 975 เมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณสลับกับป่าเต็งรัง ส่วนทิศใต้ ได้แก่ ดอยหลวง สูง 1,100 เมตรทางทิศตะวันออกของพื้นที่เป็นแหล่งผลิตผลทางด้านเกษตรกรรมที่สำคัญ ส่วนทางด้านทิศตะวันตกของพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเต็งรัง น้ำจากลำห้วยและลำธารสายต่างๆ ที่ไหลไปทางทิศตะวันตกจะไหลลงสู่แม่น้ำวัง ส่วนที่ไหลไปทางด้านทิศตะวันออกจะไหลลงสู่แม่น้ำงาวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไหลไปสมทบแม่น้ำยมทางตอนเหนือของอำเภอสอง จังหวัดแพร่
           อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทมีสภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาสูง สลับซับซ้อน มีเนื้อที่ประมาณ 758,750 ไร่ หรือ 1,214 ตารางกิโลเมตร มีจุดเด่นและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญ คือ ถ้ำผาไท หล่มภูเขียว บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนกิ่วลม ถ้ำออกรู ห้วยแม่พลึง นอกจากนี้ยังมีน้ำตกขนาดเล็กกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ คือ ศูนย์ฝึกลูกช้าง มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 26 องศาเซลเซียส อากาศเย็นที่สุดในเดือนมกราคม ฝนตกหนักในเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม พบนกจำนวนมากกว่า 50 ชนิด เช่น นกปีกลายสก๊อต นกเขาเขียว นกเขาเปล้าธรรมดา นกเขาเปล้าหางเข็มทางภาคเหนือ เหยี่ยวขาว ฯลฯ มีแมลงหลากชนิด เช่น ผีเสื้อกลางวัน ด้วงหนวดยาว กว่างดาว ด้วงดีด เป็นต้น



สถานที่น่าสนใจในอุทยานมาชมกันค่ะ




นี่คือถ้ำราชคฤห์ค่ะ มีรูปปั้นของพญานาคอยู่ในั้นด้วยนะค่ะ


ทีเห็นไม่ค่อยชัดนี่ คือถ้ำออกรูค่ะ เพราะมันเป็นรูทางออกเลยได้ชื่อว่าถ้ำออกรูนะค่ะ


ทีเห็นไม่ค่อยชัดนี้คือเขื่อนกิ่วลมจังหวัดลำปางนะค่ะ กว้างมาก มีบริการล่องแพด้วยสนุกมากมาย ไปชมวัดใต้น้ำ โบราณสถานต่างๆ กัน สนุกมากค่ะ


ที่เห็นนี้คือน้ำตกแม่เก้นะค่ะ สวยงามมากทีเดียวเป็นน้ำตกที่ตกกระทบโขดหินหลายๆ ชั้น ออกมาสวยมากค่ะ น้ำใสมากขอบอก





วัดเจดีย์ซาวหลัง

ตั้งอยู่ที่ตำบลต้นธงชัย ห่างจากตัวเมือง 1.5 กิโลเมตร ตามถนนสายลำปาง - แจ้ห่ม คำว่า ซาว แปลว่า ยี่สิบ คำว่า หลัง แปลว่า องค์ ฉะนั้น วัดเจดีย์ซาวหลัง จึงแปลได้ว่าวัดที่มีเจดีย์ 20 องค์ จากหลักฐานการขุดพบพระเครื่องสมัยหริภุญไชยที่องค์พระเจดีย์ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าวัดนี้สร้างมานานกว่าพันปี
จุดเด่นของวัดคือ องค์พระธาตุเจดีย์ซาว ที่มีศิลปะล้านนาผสมศิลปะพม่า เชื่อกันว่าหากใครนับได้ครบ 20 องค์ถือว่าเป็นคนมีบุญ ข้างหมู่พระเจดีย์มีวิหารหลังเล็ก ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดปางสมาธิ ศิลปะเชียงแสน ชาวบ้านเรียกว่า พระพุทธรูปทันใจ พระอุโบสถหลังใหญ่ ประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยที่มีพุทธลักษณะงดงาม บานประตูทั้งสามเป็นของโบราณ เขียนลวดลายรดน้ำละเอียดสวยงาม เสาซุ้มประตูหน้าต่างประดับลวดลายกระจกสีเป็นลักษณะศิลปะสมัยใหม่ และที่ศาลาการเปรียญเรือนไม้ชั้นเดียว ด้านหลังพระอุโบสถเป็นพิพิธภัณฑสถานเขลางค์นคร แสดงโบราณวัตถุที่ชาวบ้านนำมาถวาย เมื่อปี พ.ศ. 2526 ชาวบ้านได้ขุดพบพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์หนัก 100 บาทสองสลึง มามอบให้แก่ทางวัดซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ชื่อว่า พระแสนแซ่ทองคำ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยล้านนา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 ขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้วครึ่ง สูง 15 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปทองคำองค์แรกที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุแห่งชาติ







เข้ามาชมในวัดกันก่อนค่ะ


นี่เป็นรูปในวิหารนะค่ะ เรามากราบพระประธานกันค่ะแล้วค่อยไปชมบริเวณรอบๆๆๆ


นี่คือข้างโบสถ์นะค่ะจะเห็นเจดีย์ซาวค่ะ ตามความเชื่อเค้าว่ากันว่าใครนับไปถึงยี่สิบหลังจะไม่มีบุญนะค่ะ 


รูปนี้คือหลวงพ่อมะขามเฒ่าค่ะ เรามากราบไหว้ท่านกัน แต่ท่านอยู่ในถ้าที่เล็กมาก เข้ามา 2 คนน่าจะพอดี ถ้ามากกว่านี้สงสัยจะออกจากถ้ำไม่ได้อะค่ะ ^^


นี่คือบ่อน้ำสองพี่น้องนะค่ะ รูปนี้น่าจะเป็นของบ่อพี่ค่ะ เป็นบ่อไม่ไหญ่มากบ่อเล็กๆ ค่ะ


ส่วนนี่เป็นบ่อน้องค่ะ ก็เป็นบ่อคล้ายๆกันนะค่ะ เล็กพอดีไม่ใหญ่มากค่ะ


สุดท้ายเรามให้อาหารปลาดุกกันค่ะ อาหารปลานี่ก็มีขายในบริเวณวัดนะค่ะร้วมทำบุญกันค่ะ
ขอบอกว่าปลาที่นี่ตัวใหญ่มากเลยค่ะ จริงๆนะ ^^




ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย และ สวนป่าทุ่งเกวียน

ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งเกวียน ตำบลเวียงตาล  อยู่ในความดูแลของฝ่ายอุตสาหกรรมป่าไม้ภาคเหนือ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) แต่เดิม ออป. เป็นศูนย์ฝึกลูกช้างซึ่งเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในโลก โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 เป็นสถานที่เลี้ยงและฝึกลูกช้างเพื่อให้เชื่อฟังคำสั่งและมีความชำนาญในการทำไม้ขณะที่แม่ช้างไปทำงานในป่า และเนื่องจากมีนโยบายปิดป่าซึ่งทำให้ช้างต้องว่างงาน ศูนย์ฝึกลูกช้างจึงถูกปรับมาเป็นสถานที่ดูแลช้างแก่และเจ็บป่วย และที่นี่ยังเป็นสถานที่ตั้งของโรงพยาบาลช้างด้วย


ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Tourism Awards) ประเภทรางวัลดีเด่นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ พ.ศ.2541 ปัจจุบันศูนย์ฯ มีโครงการโรงเรียนฝึกควาญช้าง เพื่อฝึกควาญหรือผู้ที่ประสงค์จะเป็นควาญให้สามารถดูแลช้างได้อย่างถูกต้อง มีชาวต่างชาติให้ความสนใจมาสมัครเป็นนักเรียนหลายคน


  ในบริเวณใกล้กันมี  สวนป่าทุ่งเกวียน เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวลำปาง มีป่าสนเมืองหนาว เป็นสน 3 ใบ และพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งไม้ดอก ไม้ใบที่มีสีสันสวยงาม อีกทั้งไม้จำพวกตะบองเพชร ปาล์ม และสวนพันธุ์ไม้ 76 จังหวัด ตลอดจนพืชสมุนไพรต่าง ๆ นักท่องเที่ยวสามารถแค้มปิ้งที่นี่ได้ ภายในบริเวณสวนป่าทุ่งเกวียนยังมี สวนสัตว์เปิด  นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสัตว์อย่างใกล้ชิด เช่น เก้ง กวาง เนื้อทราย นกยูง เป็นต้น  และทางสวนป่าทุ่งเกวียนยังมีพันธุ์ไม้ที่หายากไว้จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวด้วย
        การเดินทาง ห่างจากตัวเมืองลำปาง 24 กิโลเมตร ริมทางหลวงหมายเลข 11 (สายลำปาง-ลำพูน) บริเวณกิโลเมตรที่ 28-29 หากโดยสารรถประจำทาง ขึ้นรถที่จะไปเชียงใหม่จากสถานีขนส่งลำปาง มาลงที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย







นี่คือด้านหน้าทางเข้านะค่ะ รูปปั้นช้างใหญ่มาก ใครที่ผ่านไปมารับรองเห็นกันแน่นอนค่ะ


นี่เป็นการอาบน้ำให้ช้างนะค่ะ ช้างได้เล่นน้ำกับควาญด้วยน่าสนุกดีค่ะ อยากลองขี่หลังมันบ้าง อิอิ


นี่เป็นการแสดงช้างค่ะ มีทั้งวาดรูป เตะฟุตบอล เต้นโชว์ก็มีนะค่ะ เพื่อนๆ ลองมาเที่ยวกันค่ะแล้วจะได้เห็นความน่ารักของช้างนะค่ะ


นี่เป็นครูฝึกช้างนะค่ะ มีโรงเรียนฝึกช้างอยู่ข้างในค่ะ มีั้งชาวไทยและต่างประเทศไปเยี่ยมชมเยอะมากเลยค่ะ โดยเฉพาะวันหยุดนะค่ะ


นี่คือบริเวณตลาดทุ่งเกวียนนะค่ะ อยู่แถวข้างๆ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยค่ะ มีทั้งของป่า ของหายาก ต่างๆๆมากมายเลยค่ะ


นี่เป็นบ้านพักรีสอร์ทสำหรับแขกผู้มาเยือนนะค่ะ มีที่พักสะดวกสบาย และร่มรื่นอีกด้วย


และยังมีร้านกาแฟให้จิบกันยามเช้าๆ อีกด้วย ผ่อนคลายมากมายเลยค่ะ วันหยุดนี้ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไนมาเที่ยวที่นี่สิค่ะ รับรองคุณจะติดใจ






วัดพระธาตุลำปางหลวง

วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม และมีความสําคัญทางด้านประวัติศาสตร์ วัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองลําปาง ตามตํานานกล่าวว่า มีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ราวพุทธศตวรรษที่ 13 ตัววัดตั้งอยู่บนเนิน มีบันไดนาคทอดขึ้นสู่ตัววัด
วัดพระธาตุลำปางหลวง ตั้งอยู่ที่ ต.ลําปางหลวง ห่างจากตัวเมืองลําปาง ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร ตามทางหลวงสายลําปาง-เถิน ถึงหลักกิโลเมตรที่ 586 เลี้ยวเข้าไปจนถึงที่ว่าการอําเภอเกาะคา
จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร

วัดพระธาตุลำปางหลวง มีพุทธสถานที่น่าสนใจได้แก่ วิหารหลวง ซึ่งเป็นวิหารขนาดใหญ่ เปิดโล่ง มีกู่บรรจุพระเจ้าล้านทอง เป็นประธานของพระวิหาร หลังพระวิหารมีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่รั้วทองเหลือง
รอบองค์พระเจดีย์มีรูกระสุนปืนที่หนานทิพย์ช้างยิงท้าวมหายศปรากฎอยู่ ด้านขวาองค์เจดีย์เป็นวิหารน้ำแต้ม (แต้ม แปลว่าภาพเขียน) เป็นวิหารเปิดโล่ง ปัจจุบันภาพเขียนลบเลือนไปมาก ด้านซ้ายของพระเจดีย์เป็นวิหารพระพุทธ เป็นอาคารปิดทึบ มีพระประธานแบบเชียงแสนองค์ใหญ่อยู่เต็มอาคาร หน้าบันของวิหารพระพุทธเป็นลายดอกไม้ติดกระจกสี และพิพิธภัณฑ์ของวัด ซึ่งรวบรวมศิลปวัตถุจากที่ต่างๆ ที่หาชมได้ยาก เช่น สังเค็ดธรรมาสนเทศน์ คานหาบ ตู้พระไตรปิฎก เป็นต้น
นอกจากนี้ วัดพระธาตุลำปางหลวง ยังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วดอนเต่า ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลําปาง ทุกปีจะมีงานประจําปีในวันเพ็ญเดือน 12






บริเวณนี้เป็นด้านหน้าทางวัดพระธาตุลำปางหลวงนะค่ะ กำแพงอิฐสวยมากค่ะ


นี่เป็นทางขึ้นบันไดนาค และด้านบนจะเป็นซุ้มประตูโขงนะค่ะ


นี่เป็นวิหารหลวงนะค่ะ มีคนมาท่องเที่ยวสักการะพระประธานและร่วมทำบุญมากมายเลยค่ะ


นี่เป็นมณฑปพระเจ้าล้านทองค่ะ สวยมากเลยมณฑปเป็นสีทองทั้งหลังค่ะ


มานมัสการพระธาตุลำปางหลวงกันค่ะ บริเวณนี้เป็นด้านข้างของพระธาตุค่ะ


นี่เป็นซุ้มพระพุทธบาทนะค่ะอยู่ไม่ไกลจากพระธาตุนัก เดินมาด้านหลังไม่เท่าไหร่ก็เจอละค่ะ


นี่เป็นซุ้มประตูทางเข้าจะไปดูพระพุทธบาทกลับหัวกัน แต่ห้ามผู้หญิงขึ้นนะค่ะ เข้าได้แต่ผู้ชายค่ะ


นี่พี่ผู้ชายเข้าไปถ่ายมาฝากสวยมั้ยค่ะ พระพุทธบาทกลับหัว พึ่งเคยเห็นเหมือนกันค่ะ สวยมากเลย ^^



สุดท้ายฝากเพลงของจังหวัดลำปางมาให้ฟังกันนะค่ะว่าจะสนุกหรือเปล่า



นี่เป็นเพลงมนต์เสน่ห์เขลางค์นครนะค่ะเป็นเพลงเกี่ยวกับลำปางค่ะ



ส่วนเพลงนี้เป็นเพลงเกี่ยวกับพระธาตุลำปางหลวงค่ะ ชื่่อเพลงว่านิราศพระธาตุลำปางหลวง ลองฟังดูสนุกนะค่ะ ทำนองเพลงเป็นแบบล้านนาค่ะ